คุณอักษร น้อยสว่าง เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มเทเนร่าการันตีพื้นที่สวนส้มร้างทุ่งรังสิตปลูกปาล์มได้ ให้ผลผลิตสูงถึง 4.8 ตัน/ไร่

19/2/54
เมื่อ 22 ม.ค.2552

นายอักษร น้อยสว่าง เกษตรกรผู้ซึ่งเคยประสบความล้มเหลวจากการปลูกส้มในพื้นที่คลองรังสิต อ.หนองเสือ จังหวัดปทุมธานี มาแล้วในอดีต เปิดเผยว่า จาก 1-2 ปีที่ผ่านมาเกษตรกรในพื้นที่คลองรังสิตแห่งนี้ต้องประสบกับปัญหาในปลูกส้มอย่างรุนแรงมาก อันเนื่องมาจากโรคระบาดที่ติดมากับกิ่งพันธุ์ส้ม เกษตรกรในพื้นที่ไม่รู้จะหันไปประกอบอาชีพอะไรดี เกษตรกรบางส่วนจำเป็นต้องอพยพเพื่อไปเช่าพื้นที่ปลูกส้มในพื้นที่อื่น เช่นในเขตพื้นที่ของจังหวัดพิษณุโลก กำแพงเพชร และจังหวัดเชียงราย แต่ก็ต้องประสบกับปัญหาการระบาดของโรคเช่นเดิมอีก จึงทำให้มีหนี้สินพอกเพิ่มพูนขึ้นมาอีกเป็นจำนวนมาก บางรายต้องอพยพกลับมายังถิ่นฐานเดิมซึ่งมีพื้นที่สวนส้มร้างที่ได้ทิ้งไว้


แม้ว่าเพื่อนเกษตรกรจะย้ายถิ่นฐานที่อยู่ไปประกอบอาชีพทำสวนส้มที่อื่นแต่นายอักษรยังคงรักและหวงแหนในพื้นที่แห่งนี้จึงได้ร่วมกับเกษตรอำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี ทำการทดสอบโดยใช้พื้นที่สวนส้มร้างเดิมที่มีลักษณะเป็นร่องสวน พื้นที่ประมาณ 37 ไร่ 2 งานมาปลูกปาล์มน้ำมัน 1 ไร่ปลูกได้ 22 ต้น ที่ระยะปลูก 9x9 เมตร โดยใช้พันธุ์ปาล์มลูกผสมที่เรียกว่าเทเนร่า ทั้งนี้ระหว่างรอการเก็บเกี่ยวผลปาล์ม 1-2 ปีแรกจะทำการปลูกผัก ข้าวโพด ถั่ว แซมระหว่างปาล์ม ปลูกตระไคร้ใกล้ ๆ ร่องสวน และ เลี้ยงปลาในร่องสวน ทำให้มีรายได้เสริมจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์ม และเมื่อปาล์มอายุได้ 2 ปี 8 เดือนก็ทยอยเริ่มให้ผลผลิตสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตแทงทลายปาล์มได้ทุก ๆ 15 วัน ส่งผลผลิตไปขายในเขตภาคตะวันออกทำให้มีรายได้จากการขายปาล์มตลอดทั้งปี

นายอักษรกล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันนี้ตนมีพื้นที่ที่เก็บเกี่ยวปาล์มได้ 9 ไร่ อายุ 3 ปี เก็บเกี่ยวได้ผลผลิต 1.4 ตัน และพื้นที่ 12 ไร่ อายุได้ 4 ปี สามารถเก็บเกี่ยวให้ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 4.8 ตันต่อไร่ ซึ่งแปลงปลูกของเกษตรกรโดยทั่วไปที่อยู่บริเวณใกล้เคียงให้ผลผลิตเฉลี่ยที่ 4.4 ตันต่อไร่ ซึ่งผลผลิตที่ได้สูงมากเมื่อเทียบกับผลผลิตเฉลี่ยปาล์มน้ำมันของประเทศไทยที่ 2.7 ตันต่อไร่เท่านั้น และหากคิดรายได้แปลงที่มีอายุ 4 ปี ถัวเฉลี่ยจากการขาย 18 ครั้งราคาในปีนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 5 บาท จะมีรายได้ทั้งหมดรวม 280,000 บาท เมื่อหักค่าใช้จ่าย 210,000 จะมีรายได้เหลือไร่ละ 17,500 บาท/ปี ทั้งนี้ในพื้นที่นี้ได้ผลผลิตปาล์มสูงแสดงให้เห็นว่าพืชเศรษฐกิจปาล์มน้ำมันนั้นไม่ใช่เป็นพืชที่สามารถปลูกได้ในเขตภาคใต้และภาคตะวันออกเท่านั้น ปาล์มน้ำมันสามารถปลูกได้ในสภาพดิน ฟ้า อากาศที่เอื้ออำนวย มีความเหมาะสมโดยเฉพาะมีน้ำดี ซึ่งในพื้นที่คลองรังสิตในพื้นที่สวนส้มร้างเก่านับว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพเป็นอย่างมาก

 “ การปลูกปาล์มไม่ใช่เรื่องยากหากพิจารณาแล้วนับเป็นพื้นที่ที่มีความหวัง ง่ายกว่าปลูกส้มที่ต้องดูแลจัดการ ใช้สารเคมีมาก เราจะใช้พื้นที่สวนส้มเก่า ร่องส้มเดิมที่รกรางว่างเปล่า เกษตรกรไม่มีทุนที่จะล้มสวนส้มมาทำนา จะ ไม่เน้นเอาพื้นที่นามาปลูกปาล์มเด็ดขาด ดังนั้นจากปัญหาความขัดข้องใจจากผู้ที่ห่วงใยว่าหากมีการส่งเสิมปลูกปาล์มแล้วจะมีการรุกล้ำไปแย่งพื้นที่นานั้นน่าจะหมดความกังวลใจได้ เนื่องจากเกษตรกรเองนั้นสามารถเป็นผู้ตัดสินใจได้ว่าพื้นที่ใดควรปลูกปาล์มหรือทำนาข้าว เนื่องจากทั้งข้าวและปาล์มมีราคาดี เกษตรกรที่ทำนาก็คงไม่ลงทุนไปขุดเป็นสวน และเกษตรกรที่มีสวนส้มร้างอยู่แล้วก็คงไปปรับพื้นที่สวนเป็นนาข้าวเนื่องจากการปรับสภาพพื้นที่ต้องใช้ทุนสูงเช่นกัน”

จากอดีตทุ่งรังสิตมีพื้นที่ปลูกส้มประมาณ 2-3 แสนไร่ ปัจจุบันพื้นที่อำเภอหนองเสือ จ.ปทุมธานีมีพื้นที่ปลูกปาล์มแทนร่องส้มเดิมที่รกร้างว่างเปล่าไปแล้วประมาณ 3 พันไร่ และหากรวมพื้นที่ในเขตสระบุรี เขตอำเภอพิหารแดง ด้วยจะมีพื้นที่ปลูกปาล์มในบริเวณดังกล่าวถึง 9 พันไร่ ปัจจุบันยังมีพื้นที่ที่เป็นสวนส้มหรือร่องส้มเดิมที่รกร้างอีกเป็นจำนวน 1 แสน 8 หมื่นไร่ที่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการปลูกปาล์มน้ำมันซึ่งถือเป็นพืชเศรษฐกิจของไทยที่ให้ผลผลิตสูงไม่น้อยหน้าไปกว่าพื้นที่ทางใต้หรือทางตะวันออก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น