ราคาปาล์มสดพุ่ง ยั่วผู้ผลิตน้ำมันพืชมั่วนิ่ม

21/2/54
โดยไทยรัฐ เมื่อ 31 ม.ค.2554

ราคาผลปาล์มน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เพราะผลปาล์มในประเทศมีน้อยกว่าที่กระทรวงเกษตรฯคาดไว้ อาจทำให้น้ำมันปาล์มบริโภคขาดแคลนและแพงเกิน จนนำไปสู่การขอปรับราคาปาล์มบรรจุขวดอีก...

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ราคาผลปาล์มน้ำมันในท้องตลาดเพิ่มสูงขึ้นมากสุดเป็นประวัติการณ์ โดย

ข้อมูลราคาจากกรมการค้าภายใน 
ประจำวันที่ 28 ม.ค.54 

- ราคาผลปาล์มทะลายน้ำหนัก 15 กิโลกรัม (กก.) ขึ้นไป กก.ละ 10.20-11.50 บาท 
- ผลปาล์มร่วง กก.ละ 10.65-15.00 บาท และ
- น้ำมันปาล์มดิบเกรดเอ กก.ละ 50-62 บาท 

ทั้งนี้ เป็นราคาที่สูงขึ้นมาต่อเนื่องจากปลายปีที่แล้ว ซึ่งเดือน ธ.ค.53 

- ราคาผลปาล์มทะลายเพียง กก.ละ 7.05-7.26 บาท และ
- ผลร่วง กก.ละ 7.55-10.14 บาท เท่านั้น
สาเหตุที่ราคาปาล์มสดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะผลปาล์มในประเทศมีน้อยกว่าที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์คาดการณ์ไว้จากน้ำท่วมเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ทำให้ผลปาล์มฝ่อและผลผลิตลดลง ประกอบกับชาวสวนปาล์มเร่งตัดผลปาล์มขายก่อนกำหนด จึงทำให้มีเปอร์เซ็นต์น้อย จากที่ปกติผลิตได้ผลละ 1.7 ขีด หรือ 17-18% เหลือ 1.3 ขีด หรือ 12-13% ส่งผลให้น้ำมันหายไป 30% ส่งผลต่อเนื่องให้สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศขาดแคลนอย่างหนัก 

ขณะที่การนำเข้าน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์จากต่างประเทศ ก็ยังประสบปัญหาตึงตัวเช่นกัน เพราะราคาน้ำมันปาล์มตลาดโลกขณะนี้ มีทิศทางสูงขึ้นตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและยางพารา โดยน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ของมาเลเซีย ในช่วงนี้เพิ่มขึ้นเกิน กก.ละ 40 บาทแล้ว สูงกว่าช่วงกลางเดือน ม.ค.54 ที่รัฐบาลไทยเปิดนำเข้าจากมาเลเซียเพียง กก.ละ 36.50 บาท ดังนั้น หากไทยนำเข้ามาในราคาใหม่ จะทำให้ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มขวดมีต้นทุนสูงขึ้นกว่าเดิม และไม่สามารถขายในราคาควบคุมที่ 47 บาทได้

ทั้งนี้ เมื่อเทียบราคาผลปาล์มสดเมื่อปลายปีที่เฉลี่ย กก.ละ 7 บาททำให้ราคาน้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์เพิ่มเป็น กก.ละ 46 บาท แต่ตอนนี้ราคาผลปาล์มสดเพิ่มเป็น 10-15 บาท ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันกึ่งบริสุทธิ์เพิ่มขึ้น 50-60 บาท สูงเกินกว่าเพดานราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดของกระทรวงพาณิชย์ที่เพิ่งประกาศปรับราคาเป็นลิตรละ 47 บาท จากสถานการณ์ดังกล่าวอาจทำให้ปัญหาน้ำมันปาล์มบริโภคขาดแคลนและราคาแพงมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก และนำไปสู่การขอปรับราคาปาล์มบรรจุขวดขึ้นอีกครั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น