ค่าปาล์ม...คิดจากน้ำมัน

21/2/54
โดยไทยรัฐ เมื่อ 30 มิ.ย.2553

ปาล์มน้ำมัน...พืชพลังงานทดแทน อันเป็น ความหวังหนึ่งของไทยในอนาคต

ซึ่ง...ภาครัฐได้ตระหนัก ถึงความสำคัญต่อพืชเศรษฐกิจตัวนี้ จึงได้ตั้ง คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ ขึ้น เพื่อทำหน้าที่ ดำเนินการเกี่ยวกับปาล์มน้ำมันอย่างเป็นระบบ และ มีประสิทธิภาพ

โดย...มีการ จัดทำแผนพัฒนาอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน มาอย่างต่อเนื่อง นโยบายเชิงรุก ได้กำหนดระยะเวลาช่วงปี 2551 ถึง 2555 ให้ดำเนินการปลูกปาล์มน้ำมันในสวนใหม่ 4 ล้านไร่ และทดแทนสวนปาล์มเดิม 1 ล้านไร่ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ

ข้อมูลจากความเป็นจริงของ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ระบุว่า ต้นทุนการผลิตปาล์มน้ำมันในบ้านเรา ปี 2550 กิโลกรัมละ 2.14 บาท แต่พอถึงปี 2552 ถีบตัวขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 2.58 บาท

...ยิ่งในปัจจุบันมีการเปิดเสรีทางการค้า หรือ AFTA สินค้าปาล์มน้ำมันจึงโดนทุบ และได้รับผลกระทบ เนื่องจากประเทศคู่แข่ง อาทิ อินโดนีเซียกับมาเลเซียมีต้นทุนที่ต่ำกว่าประเทศไทย ความบอบช้ำจึงตกหนักแก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน

จากวันนั้นถึงวันนี้...การพัฒนาในอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันในบ้านเรา ยังมีศักยภาพไม่แพ้ขาดประเทศใดๆโดยสิ้นเชิง พอมีโอกาสที่จะ เอื้อประโยชน์ต่อเกษตรกรผู้ผลิต หรือ ปลูกปาล์มได้บ้าง หากรัฐมีวิธีการตลาด วางรูปแบบในการตลาดที่ถูกทาง

คุณมนตรี คงตระกูลเทียน ประธานคณะบริหารกลุ่มพืชครบวงจรเครือเจริญโภคภัณฑ์ เคยพูดในการสัมมนาของ สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์...ว่า

...ทิศทางการพัฒนาปาล์มน้ำมันในบ้านเรา ควรมีการเพิ่มมูลค่าให้กับอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน และกระจายรายได้ไปสู่เกษตรกรรายย่อยอย่างทั่วถึง โดยส่งเสริมให้ชาวสวนปาล์มรายย่อยรวมกลุ่มกันแล้วนำผลผลิตมาส่งที่จุดรวมที่เรียกว่าลานเทรับซื้อปาล์ม และส่งเข้าโรงหีบที่เป็นของชุมชนเอง จากนั้นจึงส่งเข้าโรงงานไบโอดีเซล เกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมด้วย...นั่นก็ เป็นอีกรูปแบบหนึ่งในการช่วยเกษตรกรชาวปาล์มน้ำมัน

แต่ที่น่าสนใจยิ่ง...คือการปรับรูปแบบ ตลาดในการรองรับผลผลิต ควรมีการพัฒนาระบบให้ท่วงทันต่อการพัฒนาสายพันธุ์ ด้วยการคิดระดับราคาตามค่าเปอร์เซ็นต์น้ำมัน ดังเช่น อ้อยที่คิดค่าเปอร์เซ็นต์ความหวาน

เพราะปัจจุบัน... เกษตรกรผู้ผลิตปาล์มน้ำมันมีการพัฒนาโดยเลือกพันธุ์ที่มีคุณภาพในการให้น้ำมันที่สูง กันแล้ว แต่ การรับซื้อยังล้าหลังกับการเอาน้ำหนักเป็นเกณฑ์ ปาล์มพันธุ์ดียังคงมีคุณค่าเทียมเท่ากับพันธุ์เก่าๆเอามาจากป่า ที่ เปลือกหนา กะลาตัน

ถึงตรงนี้...คณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ คงพอจะคิดได้ว่า เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันของไทยมีโอกาสอยู่รอด และสามารถ แข่งขันกับต่างประเทศได้...ถ้าไม่แกล้ง ซื่อบื้อ...!!

ดอกสะแบง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น