เทคโนโลยีการปลูกปาล์มระบบน้ำหยด

23/2/54

นายอนวัช สะเดาทอง รองผู้จัดการทั่วไป กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยถึงที่มาและความสำคัญที่กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้มีการพัฒนา

เทคโนโลยีการปลูกปาล์มแบบการให้ธาตุอาหารในรูปแบบระบบน้ำหยด

ว่า โดยธรรมชาติของปาล์มน้ำมันจะเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตสูง ตามศักยภาพของสายพันธุ์ ต้องการน้ำประมาณ 1,800 – 2,000 มม./ปี (150-200 มม./เดือน)

แต่ในเขตปลูกปาล์มน้ำมันทั่วไปของประเทศไทยจะมีช่วงขาดน้ำฝนประมาณ 2-4 เดือน/ปี (300-350 มม./ปี) การกระทบแล้งดังกล่าวทำให้คุณภาพผลผลิตปาล์มสดลดลง การติดตั้งระบบชลประทาน จะทำให้ผลผลิตปาล์มสดเพิ่มขึ้น 15- 30 %
ดังนั้นการนำระบบการติดตั้งระบบชลประทานแบบน้ำหยดสามารถเข้ามาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตปาล์มน้ำมันซึ่งระบบดังกล่าวมีข้อดีดังนี้คือ ทำให้การให้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพการให้น้ำสูงสุด เมื่อเทียบกับการให้ระบบชลประทานแบบอื่นๆ

ถ้าหากเป็น

ระบบสปริงเกลอร์ จะสามารถให้น้ำที่มีประสิทธิภาพถึง 60-75% 
ระบบมินิสปริงเกลอร์ 75-85%
ส่วนระบบน้ำหยดจะสามารถให้น้ำที่มีประสิทธิภาพถึง 85-95% 

ดังนั้นจากข้อมูลดังกล่าวระบบน้ำหยด เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะนอกจากจะสามารถช่วย
ลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินใต้โคนปาล์มได้ดีแล้วยัง
สามารถารกระจายน้ำให้เหมาะสมพอดีกับบริเวณรากปาล์มได้ดี และ
ช่วยลดการสูญเสียน้ำจากการไหลออกนอกเขตรากปาล์ม และ
ช่วยให้มีการดูดไปใช้ของวัชพืชในโคนปาล์มได้ดี
ไม่มีปัญหาเรื่องลมในขณะให้น้ำ
สะดวกต่อการปฏิบัติงานในแปลงปาล์มน้ำมัน เนื่องจากมีขนาดเล็กกระทัดรัด ไม่กีดขวางการทำงาน การกำจัดวัชพืช การเก็บเกี่ยว
การตัดแต่งทางใบไม่ชำรุดเสียหายง่าย(ไม่ต้องมีเสาปักยึดหัวน้ำหยด)
 ที่สำคัญระบบน้ำหยดนี้จะช่วยเพิ่มคุณภาพและปริมาณของผลผลิตได้ 15-25%

ทั้งนี้หากเกษตรกรปลูกปาล์มแล้วขาดน้ำจะเกิดผลเสียดังนี้คือมีลักษณะคือ
ผลผลิตปาล์มสดลดลง
ยอดใบใหม่ไม่คลี่
เพิ่มอัตราฝ่อของช่อดอกเพศเมีย
จำนวนช่อดอกเพศผู้เพิ่มขึ้น
ปริมาณน้ำมันในเนื้อผลลดลง

นอกจากนี้ระบบน้ำหยดยังส่งผลดีต่อ
การให้ปุ๋ยหรือธาตุอาหารไปพร้อมระบบน้ำ
ซึ่งจะส่งผลดีของการให้ปุ๋ยไปพร้อมระบบน้ำที่สำคัญคือ สามารถจัดการธาตุอาหารให้ตรงตามปริมาณและเวลาที่พืชต้องการได้ รวมทั้งยัง
ช่วยลดการสูญเสียของปุ๋ยหรือธาตุอาหารทำให้ประหยัดค่าปุ๋ยไปได้ 10-25% และ
ลดปัญหาแรงงานในการใส่ปุ๋ย
ลดการระบาดของวัชพืชได้มาก ซึ่งระบบการให้น้ำในรูปแบบนี้มีการใช้และดูแลรักษาง่าย
อายุการใช้งานนาน

นายอนวัชยังกล่าวถึงรูปแบบการให้น้ำ หรือรูปแบบการติดตั้งระบบชลประทานแบบน้ำหยด จะวางสายส่งน้ำไปตามแนวต้นปาล์ม และจะติดตั้งหัวน้ำหยดไว้รอบๆใต้โคนปาล์ม ระยะที่ต้นปาล์มยังมีขนาดทรงพุ่มเล็กอยู่ จะวางหัวน้ำหยดไว้ไกล้โคนปาล์ม เพื่อให้น้ำหยด กระจายรอบโคนปาล์มและน้ำซึมลงไปให้เหมาะสมกับเขตรากปาล์มพอดี

เมื่อต้นปาล์มมีขนาดทรงพุ่มใหญ่ขึ้น ก็สามารถขยับหรือจัดหัวน้ำหยดให้อยู่ในตำแห่งเขตรากได้ตามความเหมาะสม เมื่อต้นปาล์มโตเต็มที่ก็สามารถปรับหัวน้ำหยดให้ห่างจากโคนปาล์มประมาณ 1.2-1.5 เมตร หัวน้ำหยดก็จะกระจายน้ำให้กับต้นปาล์ม
สำหรับการลงทุนติดตั้งระบบชลประทานแบบน้ำหยดในสวนปาล์มน้ำมันนั้นในการปลูกปาล์มน้ำมันโดยระบบน้ำหยดจะมี

ค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการปลูกโดยวิธีธรรมชาติประมาณไร่ละ 5,000-6,000 บาท 

ขึ้นอยู่กับ
สภาพพื้นที่
แหล่งน้ำ
ขนาดพื้นที่
การจัดการปุ๋ยพร้อมระบบน้ำ(Fertigation)

การลงทุนติดตั้งระบบน้ำหยดในสวนปาล์มน้ำมันสามารถเพิ่มผลผลิตได้ประมาณ 20% 

คิดง่ายๆ ถ้ามีระบบน้ำจะไม่ทำให้ทะลายปาล์มฝ่อหรือหายไป (ขาดคอ)สมมุติว่าถ้า

1 ปี สามารถเพิ่มทะลายปาล์มน้ำมันได้ 2 ทะลายต่อต้นต่อปี(25 กก./ทะลาย) 


1ไร่จะมีทะลายปาล์มเพิ่ม 40 ทะลายต่อไร่ต่อปี = 1,000 กก./ไร่/ปี 


ราคาปาล์มทะลายสด 4 บาท/กก.จะเป็นเงิน 1,000 x 4 = 4,000 บาท

ใช้เวลา 1 ปีครึ่ง ก็สามารถคืนทุนได้แล้ว

ที่สำคัญกว่านั้นคุณภาพของปาล์มทะลายสดจะสูงมาก (%) น้ำมันจะสูงตรงตามศักยภาพของสายพันธุ์

ในส่วนของการติดตั้งระบบชลประทานในระบบนี้มีความเหมาะสมในเขตปลูกปาล์มน้ำมันที่มีฝนแล้งติดต่อกันตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป สำหรับเขตปลูกปาล์มน้ำมันที่มีฝนกระจายตลอดทั้งปี มีปริมาณฝนตกทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องลงทุนติดตั้งระบบชลประทานเพื่อให้น้ำแก่ต้นปาล์ม แต่อาจมีความเหมาะสมกับเขตปลูกปาล์มที่มีปัญหาแรงงาน เพราะระบบน้ำหยดสามารถให้ปุ๋ยกับต้นปาล์มได้โดยใส่ปุ๋ยพร้อมระบบน้ำ ซึ่งเป็นระบบจัดการธาตุอาหารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

นายอนวัชยังกล่าวถึงข้อดีหรือข้อแตกต่างที่เกิดขึ้นว่าการติดตั้งระบบชลประทานมีข้อดีและแตกต่าง จากการปลูกปาล์มที่ไม่ติดระบบน้ำ อธิบายโดยสังเขปได้ว่าตามหลักธรรมชาติการเจริญเติบโตของพืชแทบทุกชนิดต้องการน้ำที่เพียงพอ และเหมาะสมโดยเฉพาะช่วงอายุระหว่างการเจริญเติบโตและช่วงให้ผลผลิต ในช่วงของการเจริญเติบโต(ก่อนให้ผลผลิตอายุ 1-3 ปี)

การติดตั้งระบบชลประทานมีส่วนสำคัญมากในการสร้างความเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ให้กับต้นปาล์มน้ำมัน และป้องกันความเสียหายจากการขาดน้ำ การขาดน้ำทำให้ต้นปาล์มแคระแกรนชะงักงัน การเจริญเติบโตให้ผลผลิต ล่าช้ากว่าปกติ เพราะโดยธรรมชาติของปาล์มน้ำมันจะผลิตตาดอกประมาณ 30 เดือน ก่อนที่ช่อดอกจะโผล่พ้นดอกมาจากต้น ถ้ามีการให้น้ำและปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ขบวนการเจริญเติบโตและการผลิตตาดอกเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ตรงตามสายพันธุ์ และให้ผลผลิตเร็วตามอายุ

ในช่วงให้ผลผลิต(อายุ 4 ปีขึ้นไป) การให้น้ำและปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอจะส่งเสริมให้ปาล์มน้ำมันมีทะลายเพิ่มขึ้น(ช่อดอกไม่ฝ่อ) น้ำหนักต่อทะลายเพิ่มขึ้น และเปอร์เซ็นต์น้ำมันในเนื้อผลปาล์มไม่ลดลง เป็นการเพิ่มผลผลิตปาล์มสดต่อไร่ได้มากขึ้นประมาณ 15-20% เพราะว่าปาล์มน้ำมันถ้าขาดน้ำติดต่อกันเกิน 2 เดือน (300-350 มม.) จะทำให้ผลผลิตปาล์มสดลดลง

ข้อดีที่สำคัญของการติดตั้งระบบชลประทานสามารถชดเชยการขาดน้ำช่วงฝนแล้งเป็นการป้องกันและลดการเสียหายของผลผลิตปาล์มน้ำมัน ทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสม่ำเสมอ และลดปัญหาผลปาล์มล้น และขาดในบางฤดู ผลผลิตปาล์มสดออกสู่ตลาดสม่ำเสมอ แก้ปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำในช่วงฤดูปาล์มออกมาก นายอนวัชกล่าวเสริมว่าในปัจจุบันระบบนี้ในปัจจุบันการติดตั้งระบบชลประทานในสวนปาล์มยังมีค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับจำนวนพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันจะมีบ้างที่ติดตั้งระบบน้ำหยดในสวนปาล์มส่วนมากจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ทางภาคใต้และภาคตะวันออก

สาเหตุที่สำคัญน่าจะมาจากการขาดข้อมูลที่ดี ขาดการแนะนำ ที่สำคัญปาล์มน้ำมันส่วนมากจะปลูกในเขตที่มีปริมาณน้ำฝนมาก ทำให้ผลผลิตลดลงไม่มาก ชาวสวนจึงขาดความสนใจ

ในอนาคตคาดว่าจะมีการติดตั้งระบบน้ำหยดในสวนปาล์มมากขึ้น เนื่องจากจำเป็นต้องเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากขึ้น เพราะการเพิ่มผลผลิตปาล์มโดยการขยายพื้นที่ปลูกใหม่ ในอนาคตจะมีอย่างจำกัด การเพิ่มผลผลิต/ไร่ จึงมีความจำเป็นและสำคัญมาก โดยเฉพาะเขตปลูกปาล์มน้ำมันที่มีฝนน้อย เช่นภาคกลาง ภาคอีสานและภาคตะวันออก การติดตั้งระบบชลประทานจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง

สำหรับในพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ได้มีการตื่นตัวในการติดตั้งระบบชลประทานน้ำหยดมากขึ้นวัตถุประสงค์หลักคือการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น เช่น

อ้อยน้ำหยด
มันสำปะหลังน้ำหยด
ข้าวโพดน้ำหยด

สำหรับในพืชผักส่วนมากจะติดตั้งในพืชตระกูลแตง สามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้สูงและสร้างผลตอบแทนได้มาก อย่างเห็นได้ชัด ในส่วนปาล์มน้ำมันสิ่งที่จะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันหันมาสนใจในการติดตั้งระบบชลประทาน ระบบน้ำหยด และเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลเอาใจใส่สวนปาล์ม เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ/ไร่ให้มากขึ้น ราคาผลผลิตปาล์มสดมีส่วนสำคัญมาก

ในด้านของอายุการใช้งานของระบบชลประทานแบบน้ำหยดเป็นระบบที่ติดตั้งและดูแลรักษาง่ายไม่ซับซ้อนที่สำคัญชาวสวนปาล์มหรือผู้ใช้ ต้องมีความเข้าใจ การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพดี การออกแบบที่ถูกต้องจะทำให้ประสิทธิภาพของระบบใช้การได้ดี ประหยัดค่าใช้จ่ายและแรงงาน รวมทั้งการดูแลรักษาระบบที่ถูกต้องมีคำแนะนำจากบริษัทผู้ออกแบบติดตั้ง การเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอระหว่างผู้ออกแบบติดตั้งและผู้ใช้ จะทำให้การใช้งานของระบบคุ้มค่าต่อการลงทุน และอายุการใช้งานยาวนาน ปกติอายุการใช้งานของระบบมากกว่า 10 ปีขึ้นไปขึ้นอยู่กับวัสดุและการบำรุงรักษานายอนวัชกล่าว

หากสนใจระบบน้ำติดต่อได้ที่
กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์
คุณอนวัช สะเดาทอง 081-857-0811
ศิริลักษณ์ /ศิริพร ฝ่ายข่าวและประชาสัมพันธ์
กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจรืญโภคภัณฑ์
089-1399801/086-3135966 /02-6759668

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น